วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2549

ช็อกโกแลตซีสต์

ช็อกโกแลตซีสต์ 18/1/2551

ขึ้นชื่อเสียน่ากินทีเดียว แต่เรื่องที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้แสนจะน่ากลัว ความตั้งใจแรกก่อนจะเขียนเรื่องนี้คืออยากจะเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ส่วนความตั้งใจที่สองที่สำคัญไม่แพ้กันคือ อยากจะเตือนผู้หญิงอายุน้อยๆเนี่ยแหละคะ ให้ระวังเรื่องสุขภาพกันให้มากขึ้น รู้ก่อนแก้ได้ก่อน ดีกว่ารู้ทีหลังแล้วต้องเจ็บตัวกันมากมาย

แต่ก่อนอื่นก็ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่าไม่ใช่หมอ ไม่ได้เป็นหมอ ที่จะเล่าให้ฟังนี่ก็ประสบการณ์ล้วนๆ บวกกับการหาข้อมูลมาเองจนเข้าใจในระดับหนึ่ง เลยจะเอามาเล่าสู่กันฟังแบบชาวบ้านๆ เข้าใจกันง่ายๆ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นเริ่มมีประจำเดือน ไม่เคยรู้จักหรือได้ยินโรคนี้มาก่อน เรื่องที่จะไปหาหมอสูติ ตรวจหน้าท้องหรืออะไรก็ตามนี่ก็ไม่เค้ยไม่เคยไป ความรู้สึกคือมันเป็นเรื่องไกลตัว บางทีแม่เล่าให้ฟังก็ให้นึกสยองว่าโอ้โห หมอเค้าตรวจภายในกันอย่างนั้น เจ็บแน่เลย เรายังเป็นเด็กเป็นเล็กอยู่คงไม่ต้องไปหา และไม่เห็นจะต้องไป เรียกว่าไกลตัวมากเลยล่ะ

พออายุเข้าประมาณ 20 ช่วงที่มีประจำเดือนนะก็โอ้โห แหม... ปวดท้องจนตัวงอ แต่ไม่ถึงขนาดเดินไม่ได้ คือจะเป็นเฉพาะวันแรก แล้วมันก็ทรมานมาก ยิ่งพออายุเข้า 21 -22 ยิ่งปวดไปกันใหญ่ ตอนนั้นเรียนอยู่อังกฤษ เดินไปเรียน หนาวก็หนาว ปวดท้องก็ปวดท้อง เวลาปัสสาวะทีนี่ต้องงอตัวกันเลยทีเดียว คือไม่รู้ว่ามันไปผ่านอะไรข้างในหล่ะ รู้แต่เจ็บจริงๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเป็นเหมือนอาการปวดท้องธรรมดาๆ เพราะมีเพื่อนหลายคนก็เป็นอย่างนี้ บางคนไปเรียนไม่ได้ บางคนต้องกินยาหนักกว่าเราอีก ก็เลยรู้สึกว่านี่มันธรรมดาโลกของผู้หญิง จนเรียนจบกลับมาประเทศไทย

สามเดือนถัดมา จำได้ว่าอีกสองวันก็ปีใหม่ ตื่นเช้าขึ้นมา เป็นวันที่จำได้ขึ้นใจ เพราะรู้สึกปวดท้องจนขยับตัวไม่ได้ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นอาหารเป็นพิษ ก็ลากสังขารตัวเองคลานลงมาจากเตียง คลานต่อไปห้องน้ำ ไปพยายามอ้วก แต่มันไม่อ้วก มันมีแต่ความเจ็บปวด หน้าซีด เหงื่อออก เจ็บปวดเหมือนมีอะไรมากดตรงท้องตลอดเวลา เลยคว้าโทรศัพท์ได้โทรหาแม่ แม่ก็คงงงๆ แต่ก็ให้พี่ชายมาหิ้วปีก ไปโรงพยาบาลอุดร ไปถึงห้องฉุกเฉิน แพทย์เวรมาตรวจท้อง พอจับกดไปที่ท้องน้อย ถึงกับทะลึ่งพรวดกันเลยทีเดียว หมอเลยวินิจฉัยว่าต้องหาหมอสูติ ตอนนั้นก็เช้ามาก หมอยังไม่มา พยาบาลเลยให้ยาแก้ปวด จากที่ปวดๆเลยพอทุเลา แม่เลยพาไปหาหมอสูติที่คลินิกแทน ไปถึงหมอก็อัลตราซาวนด์แล้วพบก้อน คือเห็นชัดเลยว่าเป็นก้อนเพราะขนาดมันใหญ่ แต่หมอไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร เพราะดูได้ไม่ชัด ต้องเข้าไปดู อาจจะต้องตัดรังไข่ข้างนึงด้วยนะ แต่ก็ไม่แน่ ต้องเข้าไปดูก่อน หมอเลยสั่งแอดมิทผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องเลยทันที เสร็จเลย

เลยกลับบ้านมาเตรียมตัวไปผ่าตัด แล้วก็เตรียมใจด้วย แต่อย่างนึงคือคิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่เป็นตอนอยู่เมืองนอก ไม่งั้นแย่เลย ตลอดเวลาที่ผ่านมากลัวการผ่าตัดมาก เหมือนเราโดนแหวะท้อง แต่พอถึงเวลาจริงๆ จะผ่าก็ผ่านะ เดี๋ยวไม่หาย แล้วก็เข้าไปโรงพยาบาลใหม่ ปฏิบัติตามขั้นตอน ได้คิวผ่าตอน 10 โมงกว่าๆ ถึงเวลาก็มีคนมาเข็นรถไปเข้าห้องผ่าตัด เข้าไปแป็บเดียวคือก็ไม่รู้เค้าทำอะไร เหมือนจะฉีดอะไรเข้าไปในแขนแล้วก็หลับเลยที ยาวมากจนมารู้สึกตัวอีกทีตอนบ่ายสาม จังหวะที่พยาบาลย้ายจากเตียงรถเข็นมาที่ห้องพัก ก็สลึมสลือ แต่สติบอกว่าหน้าท้องเนียนๆคงไปแล้วแน่ๆ ตอนนี้เหมือนมีเส้นแบ่งอาณาเขตของท้องน้อยสองฝั่งเกิดขึ้นแล้ว บ่ายๆวันนั้น หมอก็เข้ามา เอาสิ่งที่ออกมาจากท้องให้ดู แล้วบอกว่า มันเรียกว่าช็อกโกแลตซีสต์ หรือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หมอเลาะมันออกมา แต่ไม่ได้เอาอวัยวะส่วนไหนของข้าพเจ้าออกมาเลย ซีสต์ชนิดนี้ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรมาก ที่เจ็บท้องมากเพราะมันรั่วออกมา ยังไงก็ต้องผ่าอยู่ดี แล้วมันก็ไม่ใช่ประเภทที่จะกลายเป็นเนื้อร้าย แต่เราต้องอยู่กับมันคือดูแลกันไป แล้วหมอก็ไป แล้วเราก็พักฟื้นกันอีกเป็นเดือน เพราะผ่าตัดหน้าท้องแนวตั้ง ความยาวหลายนิ้ว ก็ต้องดูแลกันเยอะหน่อย

หลังจากนั้นก็ต้องไปรับอีแนนโทน เป็นฮอร์โมนที่โคตรแพง ฉีดอีก 6 เข็ม เข็มละเดือน ระหว่างนี้ก็หาข้อมูลด้วยตัวเอง ถึงได้รู้ว่าลักษณะของโรคนี้เป็นยังไง โรคนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้ เหมือนกับว่าใครเจอแจ็คพ็อตก็รับไป เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกที่ไปเจริญผิดที่ เท่าที่อ่าน คือเป็นเลือดประจำเดือนที่ไหลย้อนกลับไปทางท่อนำไข่ และไปฝังตัวภายในอุ้งเชิงกรานจนเกิดเป็นตุ่มเหมือนสิว ทุกเดือนที่มีประจำเดือนออกทางช่องคลอด ตุ่มเล็กๆที่ฝังตัวอยู่ก็จะมีเลือดออกเช่นกันหรือร่วมกับมีปฏิกิริยาการอักเสบ กลายเป็นเลือดคั่งหรือถุงน้ำช็อกโกแลตและมีพังผืดเกิดขึ้น ทุกเดือนพังผืดจะฝังตัวมากขึ้นทำให้ท่อนำไข่คดงอหรือปลายท่อตีบตัน ถ้าใหญ่มากมันก็อาจจะรั่วจนทำให้เจ็บท้องอย่างที่เป็นนี่ล่ะคะ

พอยิ่งหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้นก็เริ่มเสียดายโอกาสของตัวเองแล้วคราวนี้ คือถ้าเราใส่ใจตัวเองสักหน่อย รู้จักไปหาหมอตรวจตอนที่ปวดท้องเมนมากๆ ก็คงไม่ต้องผ่าตัดขนาดนี้แล้วหล่ะ แต่ก่อนคิดแต่ว่าหมอจะตรวจภายในอย่างเดียวไง เลยกลัวเจ็บ ไม่รู้ว่าเค้ามีอัลตราซาวนด์หน้าท้องซึ่งไม่ได้เจ็บอะไรแม้แต่แอะเดียว นอกจากต้องอั้นฉี่จนสุดแล้วถึงจะทำได้แค่นั้นเอง นี่ถ้าไปตรวจตั้งแต่ก่อนผ่า แล้วเห็นก็อาจจะไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้องให้เสียหน้าท้องเนียนสวย พอยิ่งมาพบว่า ตอนนั้น(6ปีที่แล้ว)มีการผ่าตัดแบบส่องกล้องแล้ว ยิ่งเซ็งใหญ่ ถ้าส่องกล้องเราก็จะมีแผลแค่ 1 เซ็นต์เท่านั้น หมอจะสอดกล้องเข้าไป ซึ่งกล้องจะขยายได้หลายเท่า แล้วก็ทำการผ่าตัด ข้อดีคือเราไม่ต้องเจ็บมาก ใช้เวลาในการพักฟื้นนิดเดียว แล้วมารู้ตอนนี้ ถ้าอาการกลับมาอีก ต้องผ่าตัดอีก หมอบอกว่าทำไม่ได้แล้วแหละ เพราะผ่าตัดใหญ่แล้ว ส่วนใหญ่หมอจะไม่ส่องกล้อง เพราะมันมีพังผืดเกิดขึ้นแล้ว ความหวังดับวูบ เลยอยากจะมาเตือนสาวๆว่า ใครสงสัยก็ลองไปตรวจดู เพราะถ้าเจอจะได้เจ็บกันน้อยๆ แล้วไม่ต้องรอจนมันรั่ว ปวดท้องแทบขาดใจขนาดนี้ หาทางรักษาก่อนดีกว่า ฝากเนื้อฝากตัวกับหมอที่ส่องกล้องได้ จะได้ไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง

ย้อนกลับมาเรื่องอีแนนโทนแสนแพง เข็มละเกือบหมื่น ฉีดแล้วเหมือนนั่งไทม์แมชชีนเข้าสู่วัยทอง กระดูกกระเดี้ยวลั่นกรอบแกรบ ร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน บางรายหนักหน่อยมีหนวดขึ้น ดีนะที่ไม่เป็น ไม่งั้นคงจะแมนมาก พอฉีดได้ตัวนี้เข้าไปก็จะทำให้เราไม่มีประจำเดือน เป็นการยังยั้งไม่ให้มันกลับมา อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงนั้นก็จะสบายๆ ประจำเดือนไม่มา แต่ยังต้องรักษาแผลอยู่ 6เดือนผ่านไป ไปอัลตราซาวนด์ หมอก็บอกว่าไม่เห็นอะไรแล้ว ก็เลยสบายใจ

11 เดือนผ่านไป เรียกว่าหยุดฉีดยาไปได้ อีก 5 เดือน เข้าใจว่าหายแล้ว แต่เอ๊ะ ทำไมเจ็บๆ ไปหาหมอใหม่ หมออัลตราซาวนด์ให้พร้อมกับบอกว่า ... มันมาอีกแล้ว... โลกถล่มทลายเลยตอนนั้น ทำไมมาไวนัก ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไม ทำไม ไม่ใช่อะไรหรอกนะ คือนึกภาพตัวเองวันเจ็บท้อง แล้วผ่าตัด แค่นั้นก็สยองแล้ว แล้วนี่ต้องผ่าตัดใหม่อีกเหรอ แต่คุณหมอบอกว่า อย่ากระนั้นเลย เราฉีดคุณแนนโทนอีกสัก 6 เข็มแล้วดูกันใหม่ บางทีมันอาจจะฝ่อไปเองก็ได้ เลยเริ่มอีแนนโทนอีกรอบ คุณหมอบอกว่า อีกทางที่จะแก้ให้หายคือ หาสามี แล้วแต่งงาน แล้วมีลูก ตอนท้องไม่มีประจำเดือนก็จะช่วยได้อีกแรงหนึ่ง พอมีลูกพอแล้ว ถ้ามันกลับมาอีกเราก็ยกเครื่องในของเราออกเลย ไม่ต้องกังวล คุณหมอตลกเนอะ มากดดันกันด้วยการให้หาสามี บอกแม่ด้วยนะว่าหาสามีให้ลูกสาวเถอะ มันง่ายอย่างกับจับรางวัลฝาลิโพอย่างงั้นเลยนะคะคุณหมอ ออพชั่นนี้มืดแปดด้านมาก คุณหมอบอกอีกว่า คนที่เป็นโรคนี้ จะมีบุตรยาก เพราะข้างในไม่ค่อยสมบูรณ์ เรียกว่าเป็นสาเหตุหนึ่งเลยล่ะ ดูสิ นอกจากหาสามียากแล้ว ยังมีบุตรยากอีก เวรกรรม

แล้วเราก็รู้สึกว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมจริงๆ คือต้องอยู่ต้องดูแลกันไปอย่างนี้ มีเงินมีทองไม่ได้ช่วยอะไรถ้ามีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามา แถมเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดไม่ได้ เพราะยังมีปณิธานว่าจะมีลูกอยู่ เลยต้องรักษาเครื่องในไว้ให้ดี ก็เลยต้องอยู่กับมันด้วยความทรมานใจบ้างในบางครั้งเวลาคิดถึงไอ้ถุงบ้าๆที่อยู่ในท้อง จนวันหนึ่งก็ถึงคราวได้แต่งงาน

ยัง.. อย่านึกว่ามันจะจบเท่านั้น หลังจากหมดอีแนนโทนแล้วเราก็รับยาคุมประเภทสามเดือนมาเรื่อยๆ จนแต่งงานถึงได้ฉีดเป็นเข็มสุดท้าย แต่เข็มสุดท้ายนั่นก็ไม่ได้ทำให้มีลูกเลยเหมือนหมดฤทธิ์ ยาคุมจะค่อยๆลดลงไป อาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน คือเอาง่ายๆ แต่งมิถุนา กว่าจะมีลูกได้ก็มกราปีหน้าโน่น พอย้ายมาอยู่กรุงเทพ ก็ต้องหาหมอกันล่ะ เราก็เริ่มควานหาด้วยความหวัง เพราะคิดว่าหมอคงมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ดีแล้ว คงส่องกล้องให้เราได้แน่ แล้วก็ค้นพบว่าหาหมอที่ทำได้นี่ยังกับงมเข็มในมหาสมุทร เพราะไปหามาถึงสองหมอ โรงพยาบาลดัง หมอบอกไม่ได้หรอก ทำไม่ได้ เพราะหนูมีพังผืดแล้ว ถ้าไม่เคยผ่าตัดใหญ่เนี่ย สบาย ทำได้แน่นอน มีหมอคนหนึ่งบอก ถ้าจะทำหมอคงต้องส่งไปให้คนที่ชำนาญกว่า จนสุดท้าย เลือกไปที่บำรุงราษฎ์ กะว่าไม่ไปไหนล่ะ เอาที่นี่แหละ น่าจะดีที่สุด หมอเก่งๆมารวมกัน อีกอย่าง ถ้าไปหาหลายๆหมอ เดี๋ยวคนโน้นบอกไปทางนั้น เดี๋ยวคนนั้นบอกให้กินอันนี้ สู้เลือกหาคนใดคนนึงแล้วตามเค้าไปเลยคนเดียวน่าจะดีกว่า

เกณฑ์ในการเลือกหมอคือเลือกหมอที่เก่งในเรื่องนี้ แล้วก็เก่งเรื่องภาวะมีบุตรยากไปพร้อมๆกัน จะได้ดูแลทีเดียว ไปหาครั้งแรกก็บอกหมอเลยว่า หมอคะ หนูจะฝากชีวิตหนูไว้กับหมอแล้วล่ะ จะเชื่อหมอคนเดียวแล้ว ไม่อยากหาความเห็นที่สองอะไรทั้งนั้น มันสับสน แล้วก็ได้ถามกันถึงข้อข้องใจว่าถ้าผ่าตัดอีกก็อยากจะส่องกล้อง แต่ไม่มีหมอคนไหนทำให้เลย หมอได้ยินอย่างนั้นก็ตอบมา ดั่งสวรรค์ประทานหมอมาให้กับเรา หมอบอกว่า คนไข้ที่มาส่องกล้องกับหมอ มากสุดเคยผ่าตัดใหญ่มาแล้ว 10 ครั้ง หมอยังส่องให้ได้ ของคุณแค่ครั้งเดียว เล็กน้อยมาก จริงๆหมอท่านอื่นๆพูดมาก็ไม่ผิด ถ้าผ่าตัดเปิดหน้าท้องแล้วมันมีพังผืด จะส่องกล้องมันก็ยากแล้วก็เสี่ยง แต่มันก็มีวิธี คือเลี่ยงทางเจาะเอา เลี่ยงตรงที่มีพังผืดไปเสียก็ได้ ได้ยินอย่างงั้นโอ้โห ใจชื้นขึ้นมาก ขอฝากเนื้อฝากตัวเลยแล้วกัน

เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงมกราอีกปี คิดว่ายาคุมคงหมดฤทธิ์แล้ว ก็เริ่มปฏิบัติการมีน้อง แต่แหม... มันยากนะ ไม่มาสักที ทำยังไงก็ไม่มา จนเข้าเดือนมีนา ลางร้ายก็เริ่มปรากฏ คือเริ่มปวดที่ท้องน้อยอีกแล้ว ส่วนตัวก็รับรู้ได้เองว่ามันปวดแบบไม่ปกติ ไปหาหมออัลตราซาวนด์ ก็ได้รู้ความจริงอันแสนเจ็บปวดคือมันกลับมาอีกแล้ว แถมมีถุงน้ำรังไข่พ่วงเข้ามาอีกด้วย เครียดมาก เพราะมันโตเร็วมาก แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง แต่ด้วยความที่มันยังไม่ปวดมาก หมอก็บอกไม่ต้องทำไร รอไปก่อน ไว้พร้อมเมื่อไหร่เราค่อยมาผ่าตัดกัน เราก็รอ ไม่รู้รออะไรเหมือนกัน รู้แต่ยังไม่อยากผ่า จนเข้าเดือนพฤษา จำได้เลยว่าวันแรงงาน คืนก่อนนั้น ปวดท้องมาก ปวดจนน้ำตาไหล แต่พอนอนก็หาย วันถัดมาไปหาหมอ บอกหมอว่า ไม่ไหวแล้วนะคะ หนูว่าคุณหมอนัดวันผ่าเถอะ เอาเร็วที่สุด หนูสยองกลัวเหมือนคราวที่แล้ว คุณหมอบอกอาทิตย์นี้ไม่ว่าง ขอเป็นอาทิตย์หน้าแล้วกัน ก็โอเคเป็นอาทิตย์หน้า ชะล่าใจไง นึกว่าเดี๋ยวปวดแล้วเดี๋ยวก็หาย

ปรากฏคืนนั้นได้เรื่องเลยทันที ประมาณ 4 ทุ่มก็เริ่มปวด เอ๊ะมันเป็นไรไม่ทราบ ปวดกลางวันไม่ปวด ต้องปวดกลางคืน แล้วก็เริ่มปวดหนักขึ้น แฟนก็ดูหนังเล่นเกมไป ขนาดปวดๆนี่ตอนสามทุ่มยังชวนกันกินทุเรียนอีก พอปวดหนักขึ้นก็เริ่มไปนอนตัวงอแล้ว น้ำตาเริ่มไหล มาสคาร่าเลอะเทอะ ความกลัวจากการผ่าคราวที่แล้วเข้ามาแทรกซึม จนแฟนเข้ามาเห็นตกใจใหญ่ เพราะชีเล่นตัวงอกุมท้องร้องให้ไม่หยุด มันปวดหนักๆเหมือนใครเอาอะไรมากดท้องไว้ ใจจะขาด แล้วแฟนก็โทรหาหมอ หมอบอกให้ไปโรงพยาบาลด่วนเลย

ไปถึงก็เข้าห้องฉุกเฉิน นั่งตัวสั่น หน้าซีด ขอแต่ยาแก้ปวด แต่พยาบาลไม่ให้ บอกว่ามันจะไปบดบังอาการ แต่คนมันจะตายแล้วนะ เหงื่อแตก หมดอาลัยตายอยาก ความรู้สึกคือมันหนักกว่าคราวที่แล้วมาก จะเอาชีวิตรอดไหม สักหน่อยพยาบาลก็เข็นไปอัลตราซาวด์ มีหมอสูติมาทำให้ หมอก็สอดเครื่องมือเข้าไป ยิ่งย้ำยิ่งเจ็บปวดไปกันใหญ่ เราก็นอนครวญคราง ทรมานอย่างนั้น ไม่เคยทุกข์อะไรขนาดนี้ เสร็จแล้วเค้าก็เข็นกลับมาฉุกเฉิน ก็ยังให้ยาแก้ปวดไม่ได้อีก จนกว่าหมอเวรจะคุยกับหมอเจ้าของไข้เสร็จทางโทรศัพท์ แฟนก็น้ำตาไหลโทรไปบอกพ่อแม่ พ่อแม่ก็จะบินมาหาวันรุ่งขึ้น ไอ้เราก็เรียกพยาบาล ขอแต่ยาแก้ปวด พยาบาลก็ไม่ให้สักที บอกแต่ให้หายใจลึกๆ อย่าหายใจถี่ๆ กว่าพี่จะตัดสินใจให้เพทธิดีนก็ปาไปโน่น ตี 2 เป็นยาแก้ปวดแบบรุนแรง พอพยาบาลฉีดปุ๊บอย่างกับส่งมาจากสวรรค์ ความปวดค่อยๆหายไป พร้อมกับอาการสบายตัวลอยง่วงนอน จนถึงกับลืมหายใจไปเลยทีเดียว แล้วเราก็หลับไป แต่ต้องคอยปลุกตัวเองเพราะมันชอบลืมหายใจอยู่เรื่อยๆ กว่าจะได้เข้าห้องพักก็ตีสาม เข้าไปนอนต่อพร้อมกับสายออกซิเจน

วันถัดมาประมาณ 9 โมงเช้าก็เตรียมเข้าห้องผ่าตัด ที่เค้าไม่สามารถทำอะไรเมื่อคืนเพราะต้องรอให้งดข้าวงดน้ำจนถึงระยะปลอดภัย ไม่งั้นผ่าตัดไปอาจสำลักได้ พอ 10โมง หมอก็มา เลยบอกหมอว่า หมอ หนูอยากมีลูก ที่พูดนี่คือกลัวหมอเอาอะไรออกไป เดี๋ยวมีไม่ได้ เตือนหมอไว้ก่อน แล้วก็เข้าไปผ่าตัด เข้าไปในห้องผ่าตัดอยู่ดีๆก็หลับไปเลย งงว่าหมอทำอะไรตอนไหน ไม่เห็นฉีดอะไรเข้าเส้นเหมือนคราวที่แล้ว เข้าไปผ่าอยู่ 4 ชั่วโมง ออกมาพักข้างนอก 2 ชั่วโมง กว่าจะกลับห้องก็ 4 โมงเย็น ตอนนั้นพ่อแม่มารอแล้ว แล้วก็พักที่โรงบาลหนึ่งคืน วันถัดมาก็ลุกขึ้นเดินได้ปร๋อเลย อาบน้ำได้ตามสบาย มันดีกว่าผ่าตัดใหญ่มาก หมอเจาะไป 4 รู รูละ 1 เซ็น กำลังน่ารักทีเดียว นอนโรงพยาบาล 2 คืน หมดค่าใช้จ่ายไป แสนกว่า แต่... บริษัทออกให้ ฉลองแผนประกันสุขภาพใหม่เป็นคนแรก ได้จ่ายเองวันนั้นอยู่ 90 บาท ค่าน้ำสองขวด

พอถึงวันนัด เช็คแผล หมอก็ให้ภาพดูสิ่งที่หมอเอาออกมา ซีสต์อะไรไม่รู้น่าเกลียดจริงๆ แล้วหมอก็ฉีดดูท่อนำไข่อีกข้าง ไม่ตัน ยังใช้การได้ หมอรับประกันอีกนะว่า อีกนานกว่ามันจะกลับมาอีก แต่ขอสารภาพว่าหน้ามืดตอนเลาะพังผืด เพราะมันเยอะมาก แถมผนังหน้าท้องยังหนา อุดมไปด้วยไขมัน รบกวนช่วยลดน้ำหนักด้วย ต่อจากนี้ไป หมอให้เวลา 6เดือน ถ้ายังไม่มีลูก เราค่อยคุยกันเรื่องวิธีที่ไม่ธรรมชาติ ตอนนี้ลองแบบธรรมชาติไปก่อน

จบเรื่องแล้ว ที่เขียนมาเล่าให้ฟังยาวๆนี่ สุดท้ายคือจะบอกกับหญิงสาววัยรุ่นทั้งหลายว่า จงใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเอง ถ้ามีความรู้สึกผิดปกติ ปวดท้องประจำเดือนมาก หรือเจ็บท้องน้อยไม่ทราบสาเหตุ ให้ไปอัลตราซาวนด์ หาหมอ ให้อยู่ในความดูแลของหมอ ไม่ใช่รอให้มันถึงจุดอันตรายแล้วค่อยไปเสาะหา บางทีมันเสียโอกาส เจ็บตัวปล่าวๆ ถ้ารู้ก่อนอาจจะใช้ฮอร์โมนรักษา ค่อยๆดูแลกันไป ไม่ต้องถึงขนาดผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ดีกว่าปล่อยปละละเลย ไม่รู้อะไรเลย รอจนมันรุกรามทำให้ข้างในเราพังต้องยกออกไปทั้งหมดก่อน เมื่อนั้นจะหมดโอกาสมีลูก แล้วคุณจะรู้สึก สุดท้ายนี้ อยากจะบอกคนที่กำลังเป็นอยู่ว่า ใครที่เป็นซีสต์ตัวนี้ แล้วคิดว่าจะมีลูกไม่ได้ หรือมียาก ความหวังยังมีค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น